ในปัจจุบัน คนไทยต้องฝ่าฟันโรคโควิท-19 ที่เป็นสาเหตุทำให้ร่างกายมนุษย์เกิดความเสื่อมโทรมจนถึงแก่ชีวิตได้ นั่นก็คือ “อาการเหนื่อยง่าย” ที่นอกจากจะทำให้สภาพร่างกายภาพอ่อนหล้า หายใจแรง เหนื่อยง่ายแล้ว ยังส่งผลให้สภาวะจิตใจของผู้ป่วยหม่นหมองอีกด้วย
แล้วผู้ที่มีอาการเหนื่อยง่ายเกิดจากอะไร? มีวิธีรักษาด้วยการบำบัดแบบไหน? ทาง Code For Men จะมาให้ความรู้วิธีแก้อาการเหนื่อยง่าย ให้กับผู้ที่มีอาการเหนื่อยง่าย สามารถรักษาได้ด้วยตัวเองในบทความนี้ เพราะทุกๆ วัยสามารถประสบพบโรคโควิท-19 และโรคภัยชนิดอื่นที่ไม่อาจคาดฝันไว้ได้
เลือกหัวข้ออ่าน
- ข้อควรรู้สำหรับวิธีแก้อาการเหนื่อยง่าย
- สาเหตุของอาการเหนื่อยง่าย มีวิธีแก้อาการเหนื่อยง่ายอย่างไร
- สรุป
ข้อควรรู้สำหรับวิธีแก้อาการเหนื่อยง่าย
อาการเหนื่อยง่าย คือ ภาวะร่างกายอยู่ในสภาพอ่อนเพลีย ปวดเมื่อยไปตามตัวตั้งแต่ศีรษะจนไปถึงปลายเท้า โดยสาเหตุของอาการเกิดจากผู้ป่วยใช้ร่างกายส่วนใดส่วนหนึ่งอย่างหักโหมติดต่อหลายวัน จึงทำให้ส่วนตรงบริเวณที่ถูกใช้งานเกิดภาวะล้า เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตามร่างกาย หากปล่อยอาการทิ้งไว้ อาจส่งให้ระบบอวัยวะภายในร่างกายทำงานผิดปกติได้ โดยเฉพาะระบบทางเดินหายใจ เช่น หอบ เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย เป็นต้น
สาเหตุของอาการเหนื่อยง่าย มีวิธีแก้อาการเหนื่อยง่ายอย่างไร
ทุกคนที่ประสบปัญหาอาการเหนื่อยง่าย ใจสั่น ไม่มีแรง ไม่ต้องกังวลไป เพราะเรามีเคล็ดลับที่ช่วยฟื้นฟู้ร่างกายของคุณได้ง่ายๆ ที่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง ด้วย วิธีแก้อาการเหนื่อยง่าย มีดังนี้
1. นอนให้ตรงเวลา
วิธีแก้อาการเหนื่อยง่ายที่ทุกคนสามารถปรับพฤติกรรมได้ทันทีคือการเปลี่ยนช่วงเวลาพักผ่อนให้นอนหลับอย่างตรงต่อเวลา เพราะในขณะที่เราหลับกลไกลการทำงานของร่างกายมนุษย์จะฟื้นฟู้สภาพร่างกายที่อ่อนล้า ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอให้กลับมามาทำงานปกติ อีกทั้งการนอนหลับช่วยเพิ่มความผ่อนคลายทั้งกายภายและจิตใจให้กลับมานิ่งสงบ และจัดระบบความคิดให้มีการเรียบเรียงอย่างเป็นระเบียบ โดยระยะเวลาการนอนขั้นต่ำของผู้ใหญ่ ควรหลับอย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงเป็นขั้นต่ำ
2. ลดการทานหวาน
เมื่อร่างกายได้รับความเครียดมากๆ จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่สมองของมนุษย์ต้องการความหวานเข้ามาหล่อเลี้ยงร่างกาย แต่ในความจริงแล้ว วิธีแก้อาการเหนื่อยง่ายด้วยการทานของหวานไม่ใช่วิธีแก้ที่ถูกต้อง หากต้องการความหวานเข้าสู่ร่างกาย ควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเสพติดของหวาน โดยเริ่มจาก งดทานอาหารที่มีความหวานจัด เลือกทานผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่ให้ความหวานแทน เช่น หญ้าหวาน และรวมถึงหันมาดื่มน้ำเปล่าแทนเพื่อชำระสารพิษตกค้างในร่างกาย ให้ถูกขับถ่ายออกไป
3. เลิกเล่นมือถือก่อนนอน
การเสพติดดูโซเชียลมีเดียก่อนนอนมักเป็นพฤติกรรมปกติของมนุษย์ปัจจุบัน แต่หากเลิกเล่นมือถือก่อนนอนได้จะช่วยบรรเทาความอ่อนหล้าของกล้ามเนื้อดวงตา ให้มีการทำงานที่หยืดหยุ่นในเช้าวันรุ่งขึ้นในวันถัดไป เนื่องจากแสงสีฟ้าของมือถือ คือ คลื่นพลังงานที่ส่งผลทำให้ประสาทตาเกิดความเสื่อมเสียได้ ผู้ที่เสพติดดูมือถือก่อนนอน เมื่อตื่นเช้า จะมีอาการพร่ามัว มองเห็นภาพเบลอ มองไม่ชัด ตาไม่สู้แสง และอาจนำไปสู่ภาวะกระตาเสื่อมได้ วิธีแก้คือควร หยุดเล่นมือถือ 1 ชั่วโมงก่อนหรือ สวมใส่แว่นถนอมใส่ตาที่มีฟิลเตอร์กรองแสงสีฟ้าออกไป
4. ดื่มน้ำต่อวันให้เพียงพอ
น้ำเป็นวิธีแก้อาการเหนื่อยง่ายที่สำคัญต่อร่างกายมนุษย์เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะน้ำเปล่า เพื่อรักษาความสมดุลของน้ำในร่างกาย มีความชุ่มชื้น เร่งระบบเผาผลาญของร่างกาย และส่งเสริมให้ระบบการทำงานภายในร่างกายสามารถดำเนินกลไกลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งมนุษย์ควรดื่นน้ำเปล่าขั้นต่ำ 1.5 ลิตร หรือ 7-8 แก้วต่อวัน
5. ปรับวิธีการออกกำลังกายของตัวเอง
การออกกำลังกายเป็นวิธีแก้อาการเหนื่อยง่ายให้กลับมาสดชื่นอีกครั้ง หากผู้ป่วยที่ไม่เคยออกกำลังมาก่อน สามารถเริ่มต้นด้วยการดื่มน้ำก่อนออกเครื่อง หรือวอม์อัพอุ่นเครื่องออกกำลังกายเบาๆ แล้วโฟกัสส่วนที่ต้องการคลายความตึงเครียดก่อนแล้วจึงค่อยบริหารส่วนร่างกายอื่นๆ ในภายหลัง โดยทั่วไปผู้ป่วยควรออกกำลังกายทุกๆ วัน ระยะเวลาขั้นต่ำ 30 นาทีต่อหนึ่งวันของช่วงเช้าหรือช่วงค่ำก็ได้ แม้ผู้ป่วยจะหายอาการหายใจแรง เหนื่อยง่าย ก็ควรออกกำลังกายเป็นกิจวัตรชีวิตประวันต่อไป เพื่อบริหารส่วนของร่างกายให้มีความหยืดหยุ่น และไร้โรคภัยในอนาคต
6. ลดคาเฟอีน
การลดคาเฟอีนเป็นวิธีแก้อาการเหนื่อยมากแบบออแกนิค โดยเริ่มต้นอาจจะลดปริมาณการดื่มคาเฟอีนให้น้อยลงก่อน เมื่อร่างกายไม่อยากคาเฟอีนมากขึ้นให้เปลี่ยนมาเป็นน้ำเปล่าแทน และเลือกอาหารที่ให้พลังงานสูงแทนแบบธรรมชาติ เพียงเท่านี้ระบบภายในร่างกายจะมีกลไกลการทำงานได้ดีมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น การผลิตฮอร์โมน คอลลาเจน หรือการผลิตแร่ธาตุที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย
7. ลดการทานแป้ง
การลดทานแป้งจากวัตถุดิบแปรรูปแล้วหันมาทานผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติที่ให้พลังงานแทน จึงเป็นวิธีแก้อาการเหนื่อยง่ายแบบเพื่อสุขภาพที่ดี โดยเปลี่ยนจากการทานขนมปังเป็นขนมปังโฮลวีท , เลือกข้าวกล้องหรือข้าวไรท์เบอร์รี่แทนข้าวเปล่า และเปลี่ยนการใช้น้ำตาลมาเป็นน้ำผึ้ง เผือก เป็นต้น
8. ทานวิตามินเสริม
การทานวิตามินเสริมเพื่อซ่อมแซมส่วนที่ร่างกายขาดหรอ หรืออ่อนหล้าออกไป จึงเป็นวิธีแก้อาการเหนื่อยง่ายวิธีหนึ่ง เพื่อเสริมสร้างกลไกลการทำงานของระบบอวัยวะดำเนินการได้ดียิ่งขึ้น