ถุงยางแตกเป็นแบบไหน เกิดจากอะไร
ถุงยางแตก เป็นอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นได้ขณะมีเพศสัมพันธ์ ที่มีการใช้ถุงยางอนามัย โดยเกิดจากสาเหตุหลายอย่าง ตั้งแต่ก่อนใช้ ขณะสวมใส่ ไปจนถึงระหว่างมีเพศสัมพันธ์ ดังนี้- การเลือก ไซส์ถุงยาง ผิดขนาด ผิดไซส์ เช่น ซื้อถุงยางอนามัยที่มีขนาดเล็กเกินไป
- การใช้ของมีคมในการแกะบรรจุภัณฑ์ถุงยางอนามัย
- ไม่รู้วิธีการสวมใส่ถุงยางอนามัยที่ถูกต้อง สวมถุงยางผิดด้าน
- ใช้ถุงยางอนามัยแบบที่ไม่มีสารหล่อลื่น
- ใช้ถุงยางอนามัยที่หมดอายุ เก็บไว้นานแล้ว
- เก็บถุงยางอนามัยในที่ที่โดนแสงแดด ทำให้ยางเสื่อมสภาพ
- ใช้แรงกระแทกในการมีเพศสัมพันธ์เยอะเกินไป
“ถุงยางแตกทําไงดี” ควรทำอะไรบ้างเมื่อถุงยางแตก รั่ว
หากคุณพบว่า ถุงยางแตก เมื่อมีเพศสัมพันธ์เสร็จแล้ว อันดับแรกต้องตั้งสติให้ดีก่อน ทั้งคุณและคู่นอนของคุณ แล้วปฏิบัติตามขั้นตอนที่ถูกต้องดังนี้- ฝ่ายหญิงควรรีบเข้าห้องน้ำและปัสสาวะออกมา เพื่อขับตัวอสุจิที่ยังอยู่ใกล้ท่อปัสสาวะ ให้ออกมา โดยให้ลองนั่งยอง ๆ และ ขมิบกล้ามเนื้อช่องคลอดขณะที่นั่งปัสสาวะ
- ห้ามฉีดน้ำเข้าไปในช่องคลอดเด็ดขาด เพราะอาจทำให้อสุจิทะลักเข้าไปในช่องคลอดมากยิ่งขึ้น ซึ่งอาจทำให้ตั้งครรภ์หรือติดโรคติดต่อได้
- ลองใช้นำราดทำความสะอาด บริเวณช่องคลอดแทนการฉีด เพื่อช่วยล้างคราบอสุจิและสิ่งสกปรก เชื้อแบคทีเรียต่าง ๆ ก่อน
- จากนั้น รีบหาซื้อ ยาคุมกำเนิดแบบฉุกเฉิน มารับประทานภายใน 72 ชั่วโมงแรกหลังถุงยางแตก ซึ่งต้องรับประทานต่อเนื่องและติดต่อกันจนครบจำนวนวันที่ ยาคุมกำเนิด ประเภทนั้น ๆ กำหนดไว้
- ควรเข้ารับการตรวจช่องคลอดภายใน 14 วันหลังถุงยางแตก (หรือเร็วกว่านั้น) กรณีที่มีเพศสัมพันธ์กับคนที่เราไม่รู้จักเป็นอย่างดีมาก่อน หรือทางที่ดี ถ้าคู่นอนของเราดูไม่ปลอดภัย ให้ลองพบแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจหาเชื้อ HIV ได้ก่อนทันที
อันตรายที่อาจเกิดขึ้นหากถุงยางแตก ขาด
สำหรับอันตรายที่เกิดขึ้นหากเกิดปัญหา ถุงยางแตก ถุงยางขาด นั้น แนะนำว่าหากรู้ตัวระหว่างมีเพศสัมพันธ์ว่า ถุงยางแตก ให้หยุดการทำกิจกรรมเหล่านั้นทันที และให้ทั้งคุณและคู่รัก ล้างทำความสะอาดอวัยวะเพศให้เรียบร้อย แล้วเปลี่ยนถุงยางใหม่ ทำกิจกรรมต่อได้ แต่อย่างไรก็ตามปัญหา ถุงยางแตก อาจส่งผลให้ร่างกายของคุณเกิดความเสี่ยงที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย 2 แบบได้แก่- ความเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์
- ความเสี่ยงต่อการติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
วิธีการเลือกถุงยางให้ปลอดภัย ไม่ให้ถุงยางแตก
วิธีการเลือกถุงยางให้ปลอดภัย ไม่ให้ถุงยางแตก อันดับแรกคุณจำเป็นที่จะต้องศึกษาถึงวิธีใช้ ถุงยางอนามัย จากคู่มือการใช้งานภายในกล่องถุงยางให้ละเอียด หรือลองศึกษาดูจาก Youtube อินเทอร์เน็ต ก็มีวิธีสอนการใช้ถุงยางอนามัยเช่นกัน แต่เราขอมาแนะนำเทคนิค วิธีการเลือกถุงยางให้ปลอดภัย ไม่ให้ถุงยางแตก เพื่อให้คุณสามารถมีเพศสัมพันธ์ได้อย่างสบายใจ ปลอดภัย 100% ไม่ต้องกลัวถุงยางแตก ดังนี้- ซื้อถุงยางที่มีขนาดเหมาะสม พอดี กับอวัยวะเพศในช่วงแข็งตัว (อ่านวิธีวัดไซส์ถุงยางได้ ที่นี่)
- เก็บรักษาถุงยางอนามัยในอุณหภูมิที่เหมาะสม ไม่ควรเก็บไว้ในสภาพอากาศที่มีอุณหภูมิสูงกว่า 37 หรือน้อยกว่า 3 องศาเซลเซียส
- ก่อนซื้อ แนะนำให้ตรวจสอบวันหมดอายุข้างกล่องถุงยางอนามัยให้ดีก่อน ถ้าหมดอายุแล้ว หรือใกล้วันหมดอายุไม่ถึง 1-2 เดือน ให้ทิ้งได้เลย
- เก็บถุงยางอนามัยไว้ในที่ที่แสงแดดเข้าไม่ถึง ป้องกันการเสื่อมสภาพของถุงยางอนามัย
- ในการแกะบรรจุภัณฑ์ของอุงยางอนามัย ห้ามใช้ของมีคมในการแกะเด็ดขาด เพราะอาจเกิดการผิดพลาด ตัด แกะ โดนบริเวณถุงยางโดยที่เราไม่รู้ตัวได้ แนะนำให้ใช้ มือฉีก ปลอดภัยที่สุด
- ไม่ควรใส่ถุงยางอนามัยซ้ำกัน ใช้เสร็จแล้วให้ทิ้งเลย เพราะถุงยางอนามัยที่ใช้แล้ว จะไม่มีสารหล่อลื่นมากพอในการใช้ครั้งต่อไป และยังเป็นอันตรายต่อทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิงด้วย
- ควรสวมถุงยางอนามัยให้ถูกวิธี ก่อนการสอดใส่ โดยใช้มือหนึ่งจับปลายถุงยาง และใช้มืออีกข้างค่อย ๆ รูดม้วนถุงยางจนถึงฐานอวัยวะเพศชาย ไล่อากาศที่อยู่ภายในออกให้หมด
- หากต้องการเพิ่มสารหล่อลื่นให้ถุงยางอนามัย อย่าใช้โลชั่นสารหล่อลื่นที่มีส่วนผสมของน้ำมันเด็ดขาด เพราะอาจเพิ่มโอกาสการฉีกขาดของถุงยางอนามัยได้ง่าย
- ควรสวมถุงยางอนามัยเพียงชิ้นเดียว หากสวมถุงยางอนามัยมากกว่านั้น อาจก่อให้เกิดการเสียดสีที่มากเกินไป จนทำให้ถุงยางแตกได้
- อย่าเก็บ ถุงยางอนามัย ไว้ในกระเป๋าเงิน กระเป๋าสตางค์ที่พกติดตัว เพราะอาจทำให้ถุงยางอนามัยเกิดการงอ หรืออยู่ในอุณหภูมิที่ไม่เหมาะสม ต่อการเก็บรักษา เพิ่มโอกาส ถุงยางแตก ได้มากขึ้น